ทคโนโลยีในการสร้างและการออกแบบเว็บไซต์ในปัจจุบันนั้นเปลี่ยนแปลงไปทุกนาที
เว็บไซต์ที่คุณสุดแสนจะภาคภูมิใจเมื่อ 2 ปีก่อน พอมาถึงตอนนี้ คุณอาจจะไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับมันมากนัก อาจเพราะว่าทุกอย่างบนเว็บไซต์ของคุณนั้นแทบจะเหมือนเดิมไม่ต่างจากวันแรกที่คุณทำมันออกมา ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตามไปเหมือนเทคโนโลยีเลย
ทั้งๆ ที่คุณก็รู้ว่า เว็บไซต์นั้นเป็นหน้าเป็นตาของของธุรกิจคุณบนโลกออนไลน์ เป็นสิ่งที่ลูกค้าของคุณจะเห็นก่อนที่เค้าจะกลายเป็นลูกค้าของคุณด้วยซ้ำ
จากผลการวิจัยของ Stanford University บอกว่า
75% ของลูกค้า จะตัดสินว่าธุรกิจนั้นน่าเชื่อถือหรือไม่ก็จากการเข้าไปดูเว็บไซต์ของธุรกิจนั้นๆ เพียงอย่างเดียว
แล้วคุณแน่ใจหรือเปล่าว่าเว็บไซต์ปัจจุบันของคุณ ยังสามารถทำให้คน 75% ที่ว่านั้น “เชื่อถือ” ในธุรกิจของคุณ? บทความนี้ เรามีเหตุผลที่จะช่วยให้คุณรู้ว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่คุณควรจะต้องทำเว็บไซต์ใหม่ให้กับธุรกิจของคุณเสียที
1. เว็บไซต์ปัจจุบันไม่ทำให้คุณได้ผลลัพธ์อย่างที่คุณต้องการ
เว็บไซต์ของคุณถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างฐานลูกค้า ซึ่งตัวเลขของผลลัพธ์ต่างๆ ของคุณควรจะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกับเป้าหมายใหญ่ทางธุรกิจที่คุณวางเอาไว้
ถ้าคุณไม่แฮปปี้กับผลลัพธ์ปัจจุบันที่เป็นอยู่ ก็อาจจะถึงเวลาที่คุณจะต้องลองวางแผนที่จะทำเว็บไซต์ใหม่แล้ว
2. เว็บไซต์กับแบรนด์ดิ้งของคุณไม่ได้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
3. เว็บไซต์ของคุณไม่รองรับกับวิธีในการทำการตลาดออนไลน์ใหม่ๆ
หากย้อนไปช่วงต้นปี 2000 ธุรกิจไหนที่มีเว็บไซต์ ถือว่าเท่ห์ ถือว่าคูลสุดๆ แต่ในปัจจุบัน การมีเว็บไซต์ถือเป็น “Requirement” ของทุกบริษัท แต่เว็บไซต์ส่วนใหญ่ ก็ยังคงถูกมองว่าเป็นเพียงโบรชัวร์หรือนามบัตรออนไลน์
ทั้งที่จริงแล้ว การทำการตลาดออนไลน์ตอนนี้นั้นมีหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทำ Remarketing, การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing, การทำ Marketing Automation, การเก็บข้อมูลผู้ใช้จากการติด Analytics และ Heatmap ฯลฯ
ซึ่งวิธีการทำการตลาดออนไลน์ใหม่ๆ นั้น จะต้องอาศัย “เว็บไซต์” เป็นองค์ประกอบเริ่มต้นที่สำคัญเพื่อให้รองรับกับเครื่องมือเหล่านี้
4. เว็บไซต์ของคุณยังไม่เป็น Mobile Responsive
ปัจจุบัน ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตกว่า 50% ใช้งานผ่าน mobile devices ไม่ว่าจะเป็น smartphone หรือ tablet การที่เว็บไซต์ของคุณนั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่เข้าใช้งานจาก mobile นั้น แปลว่าคุณกำลังยอมที่จะทิ้งลูกค้าไปมากกว่าครึ่ง
นอกจากนี้แล้ว การที่เว็บไซต์ของคุณไม่เป็น Mobile Responsive ยังทำให้อันดับบน Google จากผู้ใช้บนมือถือ ของคุณตกลงอีก เนื่องจาก Search Engine จะให้ภาษีกับเว็บที่ถูกออกแบบมาให้กับผู้ใช้บน mobile ดีกว่า เพราะคิดว่าผู้ใช้จะได้ประสบการณ์ที่ดีกว่าเว็บที่ไม่ได้รองรับกับการเข้าถึงจาก mobile
หากเว็บไซต์ของคุณ ยังไม่ได้ถูกออกมาและพัฒนาให้ผู้ใช้สามารถใช้งานบน mobile ได้อย่างสะดวกแล้ว เราคิดว่าการพัฒนาเว็บไซต์ให้เป็น mobile responsive คือ priority ที่สำคัญที่สุดที่คุณควรจะให้ความสำคัญ
5. เว็บไซต์ของคุณนั้น “ใช้งานไม่ได้จริง”
เหตุผลข้อนี้ดูเหมือนจะชัดเจนจนคุณอาจจะคิดว่า จะยกมาพูดทำไม?
แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่า มีเว็บจำนวนมากที่ “ใช้งานไม่ได้” และเจ้าของเว็บไซต์บางท่านก็ดูเหมือนจะตั้งใจลืมๆ มันไป “อ๋อ เว็บไซต์มันพังอยู่ ไม่ต้องไปดูหรอก”…
เว็บไซต์ที่ใช้งานไม่ได้ในที่นี้เราหมายถึง คือ มันใช้งานไม่ได้จริงๆ เช่น หน้าเว็บโหลดไม่ขึ้น รูปหายบ้าง เด้งบ้าง ข้อมูลไม่อัปเดต แถมพอจะคลิกไปหน้าที่อยากดู ลิ้งก์ก็พังอีก…
อย่างน้อยที่สุด เว็บของคุณจะต้องส่งข้อมูลที่เราต้องการไปให้ถึงปลายทางได้อย่างถูกต้องไม่ตกหล่น
หากเว็บของคุณบกพร่องในหน้าที่ของความเป็นเว็บพื้นฐานเช่นนี้ คุณควรจะต้องลองกลั้นใจเปิดเว็บของคุณดู แล้วหาวิธีแก้ไขให้เร็วที่สุด
6. คุณอยากจะส่งมอบประสบการณ์ดีๆ ให้กับผู้ที่เข้ามาชมเว็บไซต์ของคุณ
User Experience (UX) และ Customer Experience คุณเคยได้ยินคำสองคำนี้หรือไม่?
แล้วคุณคิดว่าทุกวันนี้ ประสบการณ์ของผู้ใช้ หรือลูกค้าของคุณนั้น อยู่ที่ไหน?
คำตอบก็คือ “อยู่ทุกที่”
และเราอยากจะบอกว่า เว็บไซต์ของคุณ นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์ของผู้ใช้ ที่สำคัญที่สุดในยุคนี้
ซึ่งข่าวดีก็คือ เว็บไซต์ นั้นเป็น Asset ที่เราสามารถควบคุมได้แทบจะ 100% เว็บไซต์คือ “บ้าน” ของคุณอย่างแท้จริง ไม่เหมือนกับ Social Media ต่างๆ ซึ่งนั่นคือ “บ้านเช่า”
หากคุณรู้จักวิธีการตกแต่ง ต่อเติม ที่ถูกต้องและเหมาะสมแล้ว บ้านของคุณจะสวยงามถูกใจ ผู้อยู่ก็จะได้ประสบการณ์ในการอยู่อาศัยที่แตกต่างจากบ้านเช่า ที่คุณจะต่อเติมก็ไม่ได้ จะย้ายออกก็ไม่รู้จะไปไหน
แต่ข่าวร้ายก็คือ ประสบการณ์ผู้ใช้นั้นไม่ใช่แค่เรื่องของ “ความสวย” แต่เกิดขึ้นด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่างรวมกัน
การที่เว็บไซต์ของคุณเข้าได้บ้างไม่ได้บ้าง ใช้เวลาโหลดนานเป็นนาทีๆ หรือเข้าจากมือถือแล้วดูไม่ได้ ข้อผิดพลาดเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประสบการณ์ของผู้เข้าชมเว็บไซต์ หรือก็คือลูกค้าของคุณในอนาคต พังอย่างไม่เป็นท่า
ในยุคนี้ ที่คนเรามีตัวเลือกมหาศาล ในเวลาที่เท่าเดิม เว็บไซต์ที่ยึดถือเอา “ผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง” ย่อมได้เปรียบคู่แข่งไปหลายก้าว
7. เทคโนโลยีและเครื่องมือที่ใช้บนเว็บไซต์นั้นแสนโบราณและไม่เคยได้รับการอัปเดต
เทคโนโลยีและเครื่องมือต่างๆ เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้คุณก้าวเหนือคู่แข่ง ในทางกลับกัน หากเครื่องมือหรือเทคโนโลยีที่คุณใช้ อยู่อย่างไร ก็อยู่อย่างนั้นมาเนิ่นนาน และกลายเป็นแค่ “ตำนานที่ไม่มีชีวิต” ล่ะ?
เมื่อสิบปีที่แล้ว เว็บไซต์ที่ทำด้วย Flash นั้นถูกมองว่าทันสมัย ใครมีเว็บนิ่งๆ นี่ถือว่าเชยและธรรมดามากๆ
กลับกัน ทุกวันนี้ หากเว็บไซต์ของคุณยังเป็น Flash อยู่ คุณคงรู้ดีว่า “มันไม่เวิร์คแล้ว” ไม่เพียงแค่ผู้เข้าชมจะเปิดเว็บไซต์ของคุณบน mobile ไม่ได้เท่านั้น แม้แต่บริษัท Adobe เจ้าของเทคโนโลยีก็เลิกสนับสนุน Flash แล้วไปโฟกัสกับการสร้างสิ่งอื่นแทน
สิ่งที่เราพยายามจะสื่อก็คือ เทคโนโลยีและเครื่องมือนั้นเปลี่ยนแปลงและพัฒนาขึ้นทุกวัน สิ่งใหม่ มักจะดีกว่าสิ่งเดิม เราการที่เราใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีที่ไม่อัปเดต นอกจากจะมีช่องโหว่ให้ถูกโจมตีจาก Spam, Hacker ได้แล้ว มันยังเป็นการปิดโอกาสตัวเองในการที่จะได้ใช้เทคโนโลยีของวันพรุ่งนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
สรุป
อ่านมาถึงตรงนี้เราเชื่อว่า คุณน่าจะมองเห็นแล้วว่า การทำเว็บไซต์ถือเป็นสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะเว็บไซต์ถือว่าเป็นเครื่องมือในการสื่อสารที่มีอิทธิพลที่สุดของคุณบนโลกออนไลน์
หากลูกค้าหรือผู้ใช้ไม่สามารถรับรู้ถึง Message ที่ธุรกิจต้องการนำเสนอได้แล้ว คุณก็อาจจะพลาดโอกาสในการเพิ่มยอดขาย รวมถึงในการสร้าง First Impression ที่ดีกับลูกค้าของคุณไป
หากคุณพบว่าเว็บไซต์ของคุณเข้าข่าย 1 ใน 7 ข้อที่เราลิสต์ไว้ด้านบนแล้วล่ะก็ น่าจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่า เว็บไซต์ของคุณ อาจจะถึงเวลาที่น่าจะได้รับการออกแบบและทำใหม่เสียที
ติดต่อเราเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม
ที่มา : magnetolabs.com